คุณอาจจะเคยเลือกซื้อตู้เย็นใหม่เมื่อหลายปีมาแล้ว ในปัจจุบันตู้เย็นมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการทำความเย็น และคงความสดใหม่ของวัตถุดิบได้ยาวนานขึ้น
ทั้งหน้าตาของตู้เย็นและฟังก์ชันนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อน โดยบทความนี้จะอธิบายและช่วยให้การตัดสินใจซื้อตู้เย็นนั้นง่ายขึ้น ค้นหาเคล็ดลับการเลือกซื้อตู้เย็นที่เหมาะกับความต้องการของคุณ
1. ขนาดและความจุของตู้เย็น
ความจุของตู้เย็นคืออะไร
ความจุของตู้เย็นแสดงถึงพื้นที่ด้านในตู้เย็นโดยรวม สามารถวัดเป็นลิตรหรือลูกบาศก์ฟุต
เมื่อดูรายละเอียดของตู้เย็น คุณจะพบความจุและขนาดอยู่ 2 ประเภท คือ ขนาดของตู้เย็น และความจุของตู้เย็น
- ขนาดตู้เย็น: คือขนาดมิติของตู้เย็นด้านนอก อาทิ ความสูง ความกว้าง และความลึก
- ความจุตู้เย็น: แสดงถึงพื้นที่ใช้สอยสำหรับเก็บอาหารและเครื่องดื่มภายในตู้เย็น ซึ่งตัวเลขความจุของตู้เย็นนี้เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเพื่อเปรียบเทียบตู้เย็นแต่ละรุ่น
วิธีเลือกขนาดตู้เย็นให้เหมาะกับสมาชิกในครอบครัว
ตารางต่อไปนี้จะช่วยแนะนำขนาดของตู้เย็นที่เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัว :
จำนวนสมาชิกในครอบครัว |
ขนาดและความจุของตู้เย็น (ลิตร) |
1 - 2 คน |
150 - 250 ลิตร (ตู้เย็นขนาดเล็ก) |
3 - 4 คน |
250 - 450 ลิตร (ตู้เย็นขนาดกลาง) |
5 คนขึ้นไป |
450 ลิตรขึ้นไป (ตู้เย็นขนาดใหญ่) |
2. ขนาดตู้เย็นและกว้าง ยาว สูง
ในการเลือกซื้อตู้เย็น นอกเหนือจากความจุที่ต้องพิจารณาแล้ว ขนาดมิติภายนอกก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องพิจารณา เช่น ความสูง ความกว้าง ความลึก และความจุของตู้เย็นที่แตกต่างกันตามชนิดและการออกแบบ ตารางด้านล่างจะช่วยแนะนำขนาดความจุของตู้เย็นแต่ละชนิดเป็นหน่วยลิตรและเซ็นติเมตร :
ชนิดของตู้เย็น |
ความจุ (ลิตร) |
ขนาด (ซม.) |
150-500 ลิตร |
กว้าง: 54-80, สูง: 140-180, ลึก: 55-70. |
|
250-450 ลิตร |
กว้าง: 54-80, สูง: 140-180, ลึก: 55-70. |
|
350-600 ลิตร |
กว้าง: 80-90, สูง: 170-180, ลึก: 70-75. |
|
400-650 ลิตร |
กว้าง: 80-90, สูง: 170-180, ลึก: 70-75. |
|
40-100 ลิตร |
กว้าง: 45-55, สูง: 50-85, ลึก: 50-85. |
|
ตู้เย็นประตูเดียว |
100-250 ลิตร |
กว้าง: 50-60, สูง: 115-150, ลึก: 55-65. |
อย่างไรก็ดีข้อมูลนี้เป็นเพียงขนาดมาตรฐานของตู้เย็นทั่วไป ควรตรวจสอบมิติและความจุของตู้เย็นที่ร้านค้าอีกครั้งก่อนการตัดสินใจซื้อ
3. วิธีการวัดพื้นที่ห้องครัวสำหรับการวางตู้เย็นเครื่องใหม
หลังการทำความเข้าใจเรื่องขนาดของตู้เย็นแล้ว เรามาศึกษาวิธีการวัดพื้นที่แบบทีละขั้นตอนเพื่อการตั้งวางตู้เย็นได้อย่างพอดี
ขั้นตอนที่ 1 : วัดพื้นที่ว่าง
- ความกว้าง: วัดความกว้างของพื้นที่ว่างที่ต้องการจะตั้งวางตู้เย็น ลองวัดความกว้างในหลายๆ ระยะ เผื่อกรณีผนังไม่เท่ากัน หรือพื้นหน้ากว้างไม่เท่ากัน
- ความสูง: วัดจากพื่้นห้องในแนวตรงขึ้นไปยังพื้นที่ด้านบนเช่น ตู้วางของ วัดหลายๆ ระยะ เผื่อกรณีพื้นเอียงไม่เท่ากัน
- ความลึก: การวัดความลึกของพื้นที่ต้องคำนึงถึงระยะการเปิดประตูตู้เย็น ทั้งยังควรมีระยะสำหรับพื้นที่ระบายอากาศด้วย
ขั้นตอนที่ 2 : วางแผนการขนย้าย
ตรวจสอบพื้นที่แคบ มุม และช่องทางเดินที่เล็ก ที่การขนย้ายตู้เย็นจะต้องผ่าน ใช้ระยะความกว้างและลึกของตู้เย็นใหม่ของคุณในการวัด เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถขนย้ายไปยังห้องครัวได้อย่างราบรื่น
ขั้นตอนที่ 3 : พิจารณาถึงแผนผังห้องครัว และพื้นที่ปรุงอาหาร
พื้นที่ในการตั้งวางตู้เย็นภายในครัว ควรคำนึงถึงเส้นทางการเดินสัญจรภายในห้องครัว และเพื่อให้แน่ใจว่าตู้เย็นเครื่องนี้เหมาะกับห้องครัวของคุณไหม ควรพิจารณาดังต่อไปนี้ :
- ตรวจสอบให้มั่นใจว่าพื้นที่ในการตั้งวางตู้เย็นไม่กีดขวางทางเดิน หรือเป็นอุปสรรคในการใช้งานเครื่องไฟฟ้าเครื่องอื่นๆ
- ตรวจสอบระยะการเปิดประตูตู้เย็น ว่าสามารถเปิดได้สุดโดยไม่ชนโต๊ะ ตู้ หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ
- ห้องครัวสามารถแบ่งออกเป็น 4 โซน : โซนเก็บอาหารและอื่นๆ ที่ใช้แล้วหมดไป โซนอุปกรณ์ใช้งานถาวร โซนเตรียมการทำความสะอาด และโซนในการปรุงอาหาร โดยแผนผังของห้องครัวควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน หากห้องครัวมีขนาดเล็กควรเลือกทำแผนผังแบบสามเหลี่ยม ที่ตู้เย็น เตาประกอบอาหาร และซิงค์ล้างจานทำมุมสามเหลี่ยมเข้าหากัน
คำแนะนำสำคัญ :
- ตรวจสอบพื้นที่ด้านข้างซึ่งระบุไว้ในคู่มือการติดตั้งเสมอ
- เว้นระยะอย่างน้อย 2 ซม. บริเวณด้านข้างและด้านหลัง เพื่อการถ่ายเทอากาศที่เหมาะสม
- พิจารณาถึงการปรับเปลี่ยนแผนผังของห้องครัวในอนาคต หรือเมื่อมีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้าย
4. ประเภทของตู้เย็น
เราได้เรียนรู้ถึงขนาด ความจุของตู้เย็นไปแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาต่อไปคือ ประเภทของตู้เย็นที่เหมาะกับความต้องการของคุณ คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้คุณพิจารณาเลือกซื้อตู้เย็นได้ดียิ่งขึ้น
ตู้เย็นเฟรนช์ดอร์
ตู้เย็นเฟรนช์ดอร์ cตามปกติแล้วจะมีขนาด 350 – 600 ลิตร มีพื้นที่จัดเก็บอาหารขนาดใหญ่ ชั้นวางปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ มีที่กดน้ำและน้ำแข็ง
โดยสามารถแบ่งตู้เย็นได้ออกเป็น 3 โซน - แบบ 2 โซนตู้เย็น และ 1 โซนตู้แช่แข็ง หรือ แบบ 2 โซนตู้เย็น และ 2 โซนตู้แช่แข็ง ตู้เย็นบางรุ่นจะมีลิ้นชักกลางที่สามารถปรับอุณหภูมิจากช่องแช่เย็นเป็นช่องแช่แข็งได้ เรียนรู้วิธีการเลือกตู้เย็นขนาดใหญ่
ตู้เย็นเฟรนช์ดอร์จากอีเลคโทรลักซ์
-
- TasteSealFlex ช่องแช่อาหารปรับได้ 5 อุณหภูมิ
- TasteLockAuto คงคุณค่าความสดของผลไม้ได้นานขึ้น
- TwinTech ระบบทำความเย็นแยกอิสระ ช่วยรักษารสชาติและเนื้อสัมผัส
ตู้เย็น Side-by-side
ตู้เย็น Side-by-side จะมีขนาดประมาณ 400 – 650 ลิตร มีสองประตูเปิดออกจากตรงกลาง หยิบอาหารจากทั้งช่องแช่แข็งและช่องแช่เย็นได้สะดวก
ตู้เย็น Side-by-side จากอีเลคโทรลักซ์
-
- NutriFresh คอมเพรสเซอร์แบบอินเวอร์เตอร์ ประหยัดพลังงาน
- TasteLock คงความสดใหม่และอร่อยให้กับผัก
- WaterStream กดน้ำเย็นชื่นใจ ได้จากประตูตู้เย็น
ตู้เย็นชนิดช่องแช่แข็งด้านบน
ตู้เย็นช่องแช่แข็งด้านบน เป็นตู้เย็นที่พบเห็นได้ทั่วไป มีประตูเดี่ยวของช่องแช่แข็งที่ด้านบนตู้ หยิบอาหารหรือไอศครีมได้สะดวกในระดับสายตา มีความจุประมาณ 150 – 500 ลิตร เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก หรือคอนโด ที่มีการเปิดช่องแช่แข็งเป็นประจำ
ตู้เย็นช่องแช่แข็งด้านบนจากอีเลคโทรลักซ์
-
- AutoSense เทคโนโลยี AI ที่ช่วยประหยัดพลังงานขึ้น 10%*.
- คงคุณค่าวิตามินซีในอาหารหลังการแช่เย็น 7 วันได้ 90%*.
- ช่องเก็บ ExtraChill สำหรับเก็บชีสและผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์โดยเฉพาะ.
*ภาพและกราฟฟิคสำหรับบทความ อาจะไม่ใช่ภาพสินค้าที่มีจำหน่าย
ตู้เย็นช่องแช่แข็งด้านล่าง
ตเย็นช่องแช่แข็งด้านล่าง เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็กหรือคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด มักจะมีความจุประมาณ 250-450 ลิตร มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายแบบเดียวกับตู้เย็นขนาดใหญ่ แต่ก็คงการใช้งานที่ง่ายหยิบอาหารได้สะดวก
-
- TasteLockPlus คงความสดใหม่ให้ผักและผลไม้ยาวนานถึง 7 วัน*
- EvenTemp ลดความผันผวนของอุณหภูมิภายในตู้เย็น
- พื้นที่ช่องแช่แข็งขนาดใหญ่ เก็บอาหารได้จุใจ
ตู้เย็นขนาดเล็ก (หรือมินิบาร์)
หากคุณต้องการพื้นที่เพิ่มเติมในการแช่เครื่องดื่มหรือขนมภายในห้อง ตู้เย็นมินิบาร์ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ ด้วยชั้นวางที่กว้างพร้อมพื้นที่ช่องแช่แข็ง ให้คุณแช่อาหารที่ต้องการได้สะดวก โดยความจุของตู้เย็นมินิบาร์จะอยู่ประมาณ 40 – 100 ลิตร
-
- ตู้เย็นขนาดกระทัดรัดสำหรับพื้นที่จำกัด
- CoolZone เพิ่มความเย็นเป็นพิเศษ
- ไฟ LED ช่วยให้หยิบอาหารได้สะดวกยิ่งขึ้น
5. เคล็ดลับในการเลือกตู้เย็นประหยัดไฟ
ระดับความประหยัดไฟของตู้เย็นสามารถแบ่งออกได้ตามเรตติ้งการประหยัดไฟ ยิ่งได้ดาวมากหมายถึงสามารถประหยัดไฟได้มาก เช่น รุ่นที่ได้เรตติ้ง 5 ดาวจะประหยัดไฟได้มากที่สุด ใช้พลังงานน้อย ประหยัดได้ในระยะยาว ตู้เย็นประหยัดไฟอาจมีราคาที่สูงแต่ก็สามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้ในระยะยาว
ตู้เย็นรุ่นใหม่ มักจะมีฟังก์ชันที่ช่วยประหยัดไฟ เช่น คอมเพรสเซอร์แบบอินเวอร์เตอร์ ที่ปรับระดับการทำงานของเครื่องให้เหมาะกับความเย็น แผงบุผนังสุญญากาศ และเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดไฟอื่นๆ
คำแนะนำในการเลือกซื้อตู้เย็นประหยัดไฟที่ง่ายที่สุด คือการตรวจสอบฉลากประหยัดไฟ และเปรียบเทียบค่าไฟต่อปีเป็นกิโลวัตต์ - ชั่วโมง (kWh) เพื่อทราบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนี้กินไฟเท่าไหร่ต่อปี
ลองพิจารณาตู้เย็นอีเลคโทรลักซ์ NutriFresh™ ตู้เย็นอินเวอร์เตอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความประหยัดไฟ
6. เลือก 3 แบรนด์ที่ชอบ
ในการเลือกซื้อตู้เย็น ควรพิจารณาแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพ และการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เช่นแบรนด์ อีเลคโทรลักซ์ ค้นหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ และไปที่ร้านค้า เพื่อทำความเข้าใจสินค้าและข้อเสนอ จากนั้นตัดตัวเลือกให้เหลือ 3 ตัวเลือก และจากนั้นพิจารณาคุณสมบัติที่คุณต้องการและงบประมาณอย่างถี่ถ้วน
ทั้งนี้ไม่ควรมองข้ามสิ่งสำคัญ อย่างความสะดวกในการติดต่อ ศูนย์บริการลูกค้า หรือสายด่วน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าแบรนด์สามารถดูแลและให้ความช่วยเหลือได้ รวมทั้ง การรับประกัน ในการซ่อมแซมสินค้่าด้วย
ตู้เย็นที่เหมาะกับคุณคือตู้เย็นที่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณ ทั้งความถี่ในการซื้ออาหาร งบประมาณ และความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของคุณ เลือกซื้อตู้เย็นอีเลคโทรลักซ์ เพื่อการลงทุนในระยะยาว ใช้งานได้ทนทาน วางใจได้เมื่อใช้งานสำหรับครอบครัวของคุณ
7. ดูรีวิวและเรตติ้ง
ในการเลือกซื้อตู้เย็นควรตรวจสอบข้อมูลของการรีวิวและเรตติ้งสินค้าจากผู้ใช้งานจริง ที่สามารถให้ข้อมูลการใช้งานแบบเชิงลึก ทั้งด้านประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และการรับประกันสินค้า ความคิดเห็นจากผู้ใช้งานนี้ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของตู้เย็นได้อย่างชัดเจน ว่ามีฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวัน มีจุดเด่น จุดแข็ง หรือปัญหาอย่างไร
ใช การค้นหาร้านจำหน่าย เพื่อค้นหาร้านค้าใกล้คุณ เพื่อเลือกซื้อตู้เย็นอีเลคโทรลักซ์ที่ได้ที่ร้าน และเพื่อที่จะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของตู้เย็น และเครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพดีชิ้นอื่นๆ พร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
คำแนะนำในการซื้อตู้เย็น : คำถามที่พบบ่อย
-
1. ตู้เย็นเครื่องใหม่ใช้งานอย่างไร
เมื่อซื้อตู้เย็นเครื่องใหม่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ :
- ทำความสะอาดพื้นผิวภายในตู้เย็นด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ
- รอให้แห้งสนิทก่อนนำอาหารใส่เข้าไป
- ตั้งอุณหภูมิความเย็นของตู้โดยอ้างอิงจากคู่มือใช้งาน รวมทั้งวิธีการละลายน้ำแข็ง (ถ้ามี) และฟังก์ชันพิเศษอื่นๆ
-
2. ตู้เย็นเครื่องใหม่ติดตั้งอย่างไร
ศึกษาคำแนะนำการติดตั้งได้จากคู่มือการใช้งาน ตรวจสอบว่าตู้เย็นมีการถ่ายเทอากาศที่พอเหมาะหรือไม่ ควรวางไว้ในตำแหน่งที่ต้องการประมาณ 4 ชั่วโมง ก่อนเสียบปลั้กตู้เย็น (หรือตามคำแนะนำของคู่มือ) ขั้นตอนนี้จะช่วยให้น้ำยาทำความเย็นอยู่ในระยะเวลาที่พร้อมใช้ป้องกันการเกิดความเสียหายกับคอมเพรสเซอร์
ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากไม่แน่ใจถึงวิธีการติดตั้ง
-
3. ตู้เย็นเครื่องใหม่ ทำความสะอาดอย่างไร
ทำความสะอาดชั้นวางภายในตู้ ลิ้นชักและขอบประตู ด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ ผสมกับน้ำอุ่น เช็ดให้ทั่วและเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดด้วยสารเคมีที่รุนแรง และควรศึกษาคำแนะนำการใช้งานของแต่ละรุ่น
-
4. ข้อพิจารณาในการเลือกซื้อตู้เย็น
การเลือกตู้เย็นควรพิจารณาจากหลายสิ่งต่อไปนี้ :
- ขนาดและความจุ
- ขนาดและมิติ
- พื้นที่ติดตั้ง หรือแผนผังห้องครัว
- ประเภทของตู้เย็น
- การประหยัดพลังงาน
- ฟังก์ชันสำหรับ อุณหภูมิ กลิ่น และสุขอนามัย
- ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของแบรนด์
- รีวิวและเรตติ้งจากผู้ใช้งาน
-
5. ตู้เย็นใช้งานได้นานเท่าไหร่
อายุการใช้งานของตู้เย็นส่วนใหญ่จะอยู่ประมาณ 10-15 ปี ขึ้นอยู่กับแบรนด์ การใช้งาน และการดูแลรักษา ยอมลงทุนกับแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและดูแลตู้เย็นอย่างเหมาะสม จะช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้เย็น
-
6. วิธีประหยัดไฟตู้เย็นมีอะไรบ้าง
ตั้งค่าอุณหภูมิไว้ที่ตามคำแนะนำ (3-5 °C สำหรับช่องแช่เย็น และ -18°C สำหรับช่องแช่แข็ง) หลีกเลี่ยงการแช่อาหารปริมาณมากเกินไป ปิดประตูตู้เย็นให้เร็วที่สุด และทำความสะอาดคอยล์ควบแน่นเป็นประจำ เพื่อคงประสิทธิภาพการใช้งาน