พรมเป็นมากกว่าของแต่งพื้นบ้าน แต่เป็นเหมือนพื้นฐานของสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้สีสันและความอบอุ่นกับบ้าน แต่ในบ้านที่มีสมาชิกหลายคน มีสัตว์เลี้ยง และมีการหกของอาหารหรือเครื่องดื่มต่างๆ พรมของคุณก็อาจจะกลายเป็นที่สะสมของสิ่งสกปรกได้ การรู้จักวิธีทำความสะอาดพรมที่ถูกต้อง ไม่เพียงแต่จะช่วยให้พรมของคุณดูสวยงาม เหมือนใหม่ แต่ยังยืดอายุการใช้งานและทำให้บ้านของคุณสะอาดสดชื่นขึ้น
ในบทความนี้ อีเลคโทรลักซ์จะพาคุณไปเรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ ในการทำความสะอาดพรมทั้งแบบทั่วไปแลdะแบบล้ำลึก ที่จะช่วยให้พรมของคุณสะอาดและสวยเหมือนใหม่อยู่เสมอ
อุปกรณ์และสิ่งที่ต้องใช้
เครื่องมือ/อุปกรณ์
- เครื่องดูดฝุ่น
- แปรงขนนุ่ม
- ผ้าขาวหรือฟองน้ำ
- ขวดสเปรย์
สิ่งที่ต้องเตรียม
- แชมพูซักพรมหรือน้ำยาซักพรมสูตรอ่อนโยน
- น้ำส้มสายชูขาวกลั่น
- เบกกิ้งโซดา
- เกลือ
- น้ำอุ่น
วิธีทำความสะอาดพรมแบบทั่วไปและแบบล้ำลึก
เช่นเดียวกับข้าวของเครื่องใช้ชิ้นอื่น การดูแลทำความสะอาดพรมมีอยู่หลายระดับ การทำความสะอาดทั่วไปช่วยให้พรมดูสวยงามและสะอาด ในขณะที่การทำความสะอาดแบบล้ำลึกช่วยกำจัดคราบและสิ่งสกปรกฝังแน่น
วิธีการทำความสะอาดพรมแบบทั่วไป
การทำความสะอาดแบบทั่วไปเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรักษาพรมให้สะอาดและดูเหมือนใหม่ คุณสามารถทำให้พรมของคุณดูดีอยู่เสมอได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
กำจัดดินและสิ่งสกปรกต่างๆ
- ดูดฝุ่นพรมเป็นประจำ: อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ดูดฝุ่นพรมของคุณเพื่อกำจัดฝุ่น สิ่งสกปรกและเส้นผม หากที่บ้านคุณมีเด็กหรือสัตว์ อาจจะต้องมีการดูดฝุ่นบ่อยขึ้น เช็กให้แน่ใจว่าเครื่องดูดฝุ่นที่ใช้มีพลังการดูดที่ดีพอในการขจัดดินและฝุ่นออกจากหน้าพรม
- เปลี่ยนทิศทาง: เปลี่ยนทิศทางการดูดฝุ่นเพื่อยกเส้นใยไฟเบอร์ของพรมและทำให้ดูดฝุ่นได้ทั่วถึงมากขึ้น
- ให้ความสำคัญกับบริเวณที่มีการใช้งานเยอะ: พื้นที่โถงทางเดิน หรือห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่มีการใช้งานเยอะ จึงควรได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษ
ทำความสะอาดคราบเป็นจุดๆ
- ทำความสะอาดทันที: ในทำความสะอาดคราบ ยิ่งไวเท่าไร ก็ยิ่งดี ซับ (ห้ามถู) คราบของที่หกด้วยผ้าสะอาดสีขาวเพื่อดูดซึมคราบหลุดออกมากที่สุด
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน: คราบส่วนใหญ่ สามารถเช็ดด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำยาล้างจาน ด้วยวิธีแตะน้ำยาลงบนรอยเปื้อนแล้วซับด้วยผ้าสะอาด
- ล้างและเช็ดแห้ง: หลังจากทำความสะอาดแล้ว ใช้ผ้าชุบน้ำแตะลงไปเพื่อล้างน้ำยาล้างจานออก จากนั้นซับให้แห้งด้วยฝ้าสะอาด
การทำความสะอาดเป็นประจำสามารถช่วยป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรก ช่วยให้ไม่ต้องทำความสะอาดแบบล้ำลึกบ่อย และช่วยให้การทำความสะอาดแบบล้ำลึกมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม
วิธีการทำความสะอาดพรมแบบล้ำลึก
การทำความสะอาดอย่างล้ำลึกก็เหมือนการเอาพรมไปเข้าสปา ซึ่งช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ฝังแน่น และทำให้พรมกลับเหมือนใหม่ วิธีทำความสะอาดพรมแบบล้ำลึก สามารถทำได้ดังนีี้
ทำความสะอาดพรมด้วยน้ำส้มสายชูกลั่น
น้ำส้มสายชูเป็นไอเทมอเนกประสงค์ในครัวเรือนที่จะสามารถชุบชีวิตพรมของคุณได้อย่างดี สรรพคุณในการทำความสะอาดของน้ำส้มสายชูจะช่วยกำจัดคราบและทำให้พรมของคุณดูเหมือนใหม่อีกครั้ง
เริ่มต้นด้วยการดูดฝุ่นและกำจัดคราบ
- เริ่มต้นด้วยการดูดฝุ่นและกำจัดคราบ
- กำจัดคราบต่างๆ ที่อยู่การเทน้ำส้มสายชูข้าวผสมน้ำลงไปที่คราบ แล้วปล่อยทิ้งไว้
- สำหรับจุดที่เป็นคราบ ให้เช็ดส่วนผสมของน้ำส้มกับน้ำแล้วปล่อยทิ้งไว้
ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำ
ใช้ถังน้ำในการผสมน้ำส้มสายชูและน้ำอุ่นในอัตราส่วนที่เท่ากัน ระวังอย่าใช้น้ำส้มสายชูมากเกินไป เนื่องจากจะทำให้กลิ่นติดพรม ก่อนใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำกับหน้าพรมให้ทำการเช็กด้วยการใช้ส่วนผสมเพียงเล็กน้อย ทาลงในจุดที่มองไม่เห็นก่อน
ใช้ส่วนผสม รอ แล้วค่อยซับ
- ใช้ผ้าหรือฟองน้ำจุ่มลงไปในส่วนผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำที่ทำเอาไว้ แล้วซับลงไปบนพรม ระวังอย่าใช้ส่วนผสมเยอะเกินไป ซับเพียงแค่ให้พรมเปียกแต่พอดี
- ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที
- ซับอีกครั้งด้วยผ้าแห้ง
รอให้พรมแห้ง
เปิดหน้าต่างหรือใช้พัดลมเพื่อให้พรมแห้งเร็วขึ้น เช็กให้แน่ใตว่าพรมแห้งสนิทแล้วก่อนใช้งาน
ทำความสะอาดพรมด้วยเกลือและเบกกิ้งโซดา
ส่วนผสมทั้งสองตัวนี้ช่วยทำความสะอาดและลดกลิ่นอับของพรมได้อย่างยอดเยี่ยม
ทำความสะอาดคราบฝังแน่นก่อน
- ดูดฝุ่นเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่อยู่บนหน้าพรม
- ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเล็กน้อย แล้วทาทิ้งไว้ในจุดที่มีคราบฝังแน่น
ผสมเบกกิ้งโซดากับเกลือเข้าด้วยกัน
ใช้ถ้วยในการผสมเบกกิ้งโซดากับเกลือในอัตราส่วนที่เท่ากัน
โรย สเปรย์ และแปรงพื้นผิวอย่างอ่อนโยน
- โรยส่วนผสมเบกกิ้งโซดากับเกลือลงบนหน้าพรม
- สเปรย์ด้วยน้ำสะอาด
- แปรงหน้าพรมด้วยแปรงขนนุ่ม
เช็ด ปล่อยให้แห้ง และดูดฝุ่นอีกครั้ง
- เช็ดคราบที่อยู่บนหน้าพรมออก
- รอให้พรมแห้ง
- ดูดฝุ่นพรมอีกครั้งให้ไม่เหลือเบกกิ้งโซดาและเกลือบนหน้าพรม
อ่านเพิ่มเติม:
เคล็ดลับป้องกันการเกิดคราบและช่วยให้พรมสะอาดนานขึ้น
1. ใช้พรมดักฝุ่นปูทางเข้าบ้าน: วางพรมดักฝุ่นไว้บริเวณประตูเข้าบ้านเพื่อดักจับสิ่งสกปรกและความชื้น เนื่องจากเสื่อปูทางเข้าทำความสะอาดได้ง่ายกว่าพรมทั้งผืน
2. เช็ดทำความสะอาดทันที เมื่อมีของหก: การทำความสะอาดสิ่งที่หกทันทีช่วยทำไม่ให้เกิดคราบฝังแน่นบนพื้น
3. ย้ายเฟอร์นิเจอร์เป็นครั้งคราว: วิธีนี้สามารถช่วยไม่ให้เกิดรอยเฟอร์นิเจอร์บนพรม และยังทำให้คุณทำความสะอาดบ้านได้อย่างทั่วถึง
4. ใช้แผ่นรองพรม: ใช้แผ่นรองพรมในพื้นที่ที่วางเฟอร์นิเจอร์ที่หนัก หรือพื้นที่ที่มีการใช้งานบ่อย
5. ดูดฝุ่นเป็นประจำ: วิธีนี้เป็นวิธีง่ายๆ แต่ช่วยสร้างความแตกต่างได้มากทีเลย.
6. หลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรง: แดดที่มากเกินไปอาจทำให้พรมมีสีซีด ให้ปิดผ้าม่านกันแสงในช่วงที่แดดแรง
อ่านเพิ่มเติม:
ยกระดับการทำความสะอาดพรมด้วยเครื่องดูดฝุ่นอีเลคโทรลักซ์
เมื่อพูดถึงการทำความสะอาดพรม เพียงเลือกใช้อุปกรณ์ที่ถูกต้องการสามารถสร้างความแตกต่างได้แล้ว เครื่องดูดฝุ่นของอีเลคโทรลักซ์ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้การทำความสะอาดพรมเป็นเรื่องง่าย ด้วยพลังการดูดที่โดดเด่นและฟีเจอร์ Grab&Go เครื่องดูดฝุ่นของเราเป็นตัวเลือกที่เพอร์เฟกสำหรับการทำความสะอาดทั่วไป และการทำความสะอาดแบบล้ำลึกหมดจด สัมผัสเทคโนโลยีเครื่องดูดฝุ่นไร้สายและให้ผลิตภัณฑ์ของเราเปลี่ยนโลกการทำความสะอาดบ้านของคุณ
- กำลังดูด 200 แอร์วัตต์ พลังดูดเพิ่มมากขึ้น 7 เท่า*
-
- มอเตอร์รอบสูงใช้งานได้ทนทานและยาวนาน
- แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้ ทำความสะอาดได้นาน 180 นาที*
- กำลังดูด 150 แอร์วัตต์ พลังดูดเพิ่มมากขึ้น 5 เท่า*
-
- Grab&Go และ Roll in Roll out หยิบใช้งานได้สะดวก
- หัวดูด PowerPro ทำความสะอาดพื้นเนื้อแข็งพร้อมขัดเงา
- กำลังดูด 150 แอร์วัตต์ พลังดูดเพิ่มมากขึ้น 5 เท่า*
-
- Grab&Go และ Roll in Roll out หยิบใช้งานได้สะดวก
- หัวดูด PowerPro ทำความสะอาดพื้นเนื้อแข็งพร้อมขัดเงา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำความสะอาดพรม
-
1. เมื่อไรที่ควรต้องใช้บริการทำความสะอาดพรมด้วยมืออาชีพ?
หากทำความสะอาดแล้ว พรมยังดูสกปรกอยู่ มีกลิ่นที่ไม่สามารถกำจัดออกได้ มีคราบเปื้อนฝังลึก หรือมีความกังวลในเรื่องการของก่อภูมิแพ้ แนะนำให้ติดต่อบริการซักล้างพรมเพื่อขอความช่วยเหลือจากมืออาชีพ
-
2. ควรดูดฝุ่นพรมบ่อยแค่ไหน?
ควรดูดฝุ่นพรมอย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง อย่างไรก็ดี หากที่บ้านของคุณมีเด็ก สัตว์เลี้ยง หรือมีคนอยู่หลายคน ควรดูดฝุ่นมากกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์
-
3.ควรทำความสะอาดพรมแบบล้ำลึกตอนไหน?
พรมควรได้รับการซักอย่างล้ำลึกอย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี แต่หากพรมใช้งานหนัก หรือมักมีอาหารหก หรือสัตว์เลี้ยง ก็ควรทำความสะอาดแบบล้ำลึกบ่อยขึ้น
-
4. หลังจากทำความสะอาดแล้ว จะทำให้พรมแห้งได้อย่างไร?
หลังทำความสะอาดแล้ว วางพรมไว้ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเท ใช้พัดลมหรือเครื่องซักผ้า่มีโหมดการปั่นแห้ง เช็กให้มั่นใจว่าพรมแห้งสนิทก่อนใช้ เพื่อป้องกันการเติบโตของเชื้อราและสิ่งตกค้าง
-
5. พรมมีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยเท่าไร?
พรมที่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 5-15 ปี ซึ่งอายุการใช้งานของพรมย่อมขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ การใช้งาน และการดูแลรักษา